
ผมคือผู้กำกับหนังและผู้สร้างหนัง ใคร ๆ ก็รู้จักผม แต่หนังที่ผมสร้างและกำกับ ไม่ใช่หนังที่พวกคุณชอบดูกันหรอก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไร
ผมเป็นคนชอบดูหนัง มาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนั้นหนังที่ผมดูก็เป็นหนังทั่วไป เมื่อโตขึ้นผมอยากทำหนังบ้าง แต่ผมก็ไม่ใช่ลูกมหาเศรษฐี ไม่มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน ก็เลยทำหนังที่ทำได้ หนังที่ผมทำผมก็เอาคนทั่วไป ชาวบ้านธรรมดานี่แหละครับ มาแสดง ไม่ต้องจ้างแพง ๆ คนทั่วไปไม่คิดแพง ไม่เล่นตัว ถึงจะเล่นไม่เป็นธรรมชาติก็เถอะ เนื้อเรื่องของหนังน่ะเหรอ ผมก็ด้นมันไปเรื่อยแหละครับ ส่วนมากก็เป็นเรื่องชาวบ้่าน ๆ ทั่วไป ก็มันเป็นหนังแนวอิสระนี่ครับ จะให้ลงทุนเป็นร้อยล้านดอลล่า ก็กระไรอยู่ ผมเองก็ไม่ใช่นักเขียนนิยาย เลยคิดเนื้อเรื่องไม่ค่อยออก
ผมก็ทำหนังของผมเรื่อยมาล่ะครับ หนังของผมค่อนข้างแปลก ไม่เหมือนใคร จะว่าเป็นหนังสั้นแบบมือใหม่ก็ไม่ใช่ ฝีมือผมก็พอมี ผมคิดว่าหนังของผมมันก็พอดูได้ ไม่ได้หวังให้มันหวือหวา ตลาด เหมือนหนังอื่น
ผมทำหนังไปได้สักพัก หนังของผมก็เริ่มเข้าตากรรมการ กรรมการที่ว่านี่ก็คือ กรรมการที่ตัดสินรางวัลหนังตามเทศกาลหนังต่าง ๆ เขาว่าหนังของผมมันศิลปะชัด ๆ ผมเองก็เออออไปกับเขาด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าหนังผมมันศิลปะหรือไม่ ผมทำเพราะอยากทำ เอาชาวบ้านมาแสดงเพราะทุนน้อย ส่วนเนื้อเรื่องก็คิดมันไปเรื่อย บางทีผมดูเองก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน คนทั่วไปไม่ต้องพูดถึง งงกันเป็นแถว วิพากย์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา คุณไม่รู้อะไร หนังน่ะ ถ้าคุณทำออกมาแบบ Perfectionism ล่ะก็ คุณจะไม่ได้รางวัลอะไรหรอก คุณต้องทำให้มันคลุมเคลือ ดูยาก หนังแบบนี้แหละที่ได้รางวัล ผมจะบอกให้ กรรมการตัดสินหนังเทศกาลต่าง ๆ เขาไม่ให้เครดิตกับหนังตลาด ๆ หรอก เพราะมันดูง่าย ถ้ากรรมการให้รางวัลหนังตลาด พวกเขากลัวว่ามาตรฐานการตัดสินหนังจะด้อยค่า เขาจะเลือกเอาหนังที่คนดูดูไม่รู้เรื่อง ยิ่งดูแล้วงงง่วงเหงาเท่าไหร่ยิ่งดี ก็คุณดูอย่างรางวัลออสการ์สิ หลายเรื่องดูแล้วไม่รู้เรื่องเอาซะเลย นั่นแหละที่ผมเดาใจพวกเขาถูก ส่งหนังชิงหลายครั้งก็ได้ทุกครั้ง
หนังก็คือหนัง ถ้าคุณมาวิจารณ์หนังผมว่า ดี หรือ ไม่ดี อย่างไร ผมก็ยอมรับได้ นั่นมันแล้วแต่คุณตีความ ผมจะไม่ตีความหนังของผมให้คุณฟังหรอกว่ามันหมายถึงอะไร มันสื่ออะไรออกมาบ้าง คนดูได้อะไรจากหนังเรื่องนี้ มันเป็นศิลปะ คุณก็ต้องตีความกันเอาเอง อย่ามาถามผม ผมเองยังงงหนังตัวเองเลย
ทุกวันนี้ผมก็ยังชอบดูหนังตลาดทั่วไป ดูแล้วสนุกจริง ๆ หนังพวกนั้นดูแล้วได้ข้อคิด หนังพวกนั้นเป็นอะไรที่พอดี ไม่ง่้าย ไม่ยากในการดู ผมเองก็อยากทำหนังอย่างนั้นบ้าง แต่มันไม่ถนัด และกลัวขาดทุน ไม่ว่าจะออกเงินเอง หรือกำกับให้นายทุน ผมก็เลยทำหนังคลุมเคลือของผมต่อไป และหวังว่าสักวันมันคงได้เข้าชิงหนังยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศสักวัน ถ้าพวกกรรมการตัดสิน ไม่มีอคติกับหนังตะวันออกของพวกเรา
มีคนบอกผม เขาเป็นนักวิจารณ์ในอินเตอร์เน็ต เขาใช้ชื่อในเน็ตว่า wareerant เขาบอกว่า คัมภีร์ไตรปิฎกมี 84,000 พระธรรมขันธ์ แต่สามารถย่อให้เหลือแค่ไม่ก็คำคือ "ทุกสิ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ตั้งอยู่เป็นธรรมดา และดับไปก็เป็นธรรมดา" การทำหนังก็เหมือนกัน เขาบอกว่า คัมภีร์การทำหนัง มีหลายหมื่นหลายพันทฤษฎี แต่สามารถย่อให้เหลือไม่กี่คำว่า "จะมีประโยชน์อะไร......ถ้า......คนทำหนัง.......ทำหนังออกมา......แล้ว......ไม่สามารถสื่อสารกับคนดูได้........และ.....คนดู นึกไม่ออกว่า....ได้อะไรจากการดูหนังเรื่องนั้นบ้าง" แหม เขาพูดได้คมจริง ๆ ผมก็เห็นด้วยกับเขานะ แต่ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ ผมก็เลยตอบเขาว่า เอาเงินมาให้ผมสิ ให้ผมทำหนังตลาด แต่ถ้าผมทำเจ๊งก็อย่ามาโทษกันก็แล้วกัน
ก็ผมทำหนังแบบนั้นไม่เป็นนี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น